หัวเรื่อง
ลิเวอร์พูล
ได้พบกับประสบการณ์ทั้งผิดหวัง และดีใจเมื่อฤดูกาล 2018-19
โดยพวกเขาต้องน้ำตาซึมเมื่อพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะโดน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีแต้มเหนือกว่า "หงส์แดง" เพียงแค่ 1 คะแนน แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ สาวก "เดอะ ค็อป"
ได้ยิ้มระรื่นเพราะได้ชูโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 6
แน่นอนว่าความฝันที่จะได้เห็น
"เดอะ เร้ดส์" ได้แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ ต้องสลายทั้งๆ ที่แพ้เพียงแค่เกมเดียว แถมเสียแค่ 22 ประตูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นนี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์
ยังคงดูน่ากลัว แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เสริมทัพก็ตาม
หลายคนอาจมองว่าการที่ ลิเวอร์พูล
มีผลงานไม่โดดเด่นในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น และไม่มีการลงทุนมากนัก
อาจจะทำให้พวกเขาต้องพบกับความยากลำบากในการเบียดแย่งแชมป์กับทีมระดับท็อปซิกซ์
อย่างไรก็ตาม หากมองด้วยความเป็นกลาง "เดอะ เร้ดส์"
ยังมีคุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในลีกได้
1. ขุมกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่ง
ช่วงหลายๆ ปี
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
ต้องพบกับความยากลำบากในการมีขุมกำลังที่เพอร์เฟกต์ อย่างไรก็ตาม
ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คล็อปป์
สามารถสร้างทีมที่โดดเด่นพร้อมกับขุมกำลังที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
สำหรับขุมกำลังของ
"เดอะ เร้ดส์" ในปัจจุบันต้องบอกว่าสุดยอด
โดยเรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในกรณีที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้
ฟีร์มีโน่ ไม่สามารถลงสนามได้ในแมตช์ที่พบ บาร์เซโลน่า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
โดยพวกเขาสามารถพลิกนรกจากการตามหลัง 0-3 ในเกมแรกที่สนามคัมป์
นู
ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล
เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีขุมกำลังที่สมดุลที่สุดในยุโรปโดยเฉพาะแผงเกมรับที่แข็งแกร่ง, กองกลางที่เต็มไปฟอร์มการเล่นที่สร้างสรรค์
และกองหน้าที่มีฝีเท้าเฉียบคม นั่นจึงทำให้พวกเขาเป็นทีมที่อ่านเกมขาด
และรู้ว่าจะต้องใช้แท็คติกยังไงเวลาที่เจอกับคู่แข่งแต่ละประเภท
ในเกมกับ
บาร์ซ่า รอบรองชนะเลิศ นัด 2 และ สเปอร์ส รอบชิงชนะเลิศ
เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ใช้แท็คติกที่แตกต่างกัน
ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ลิเวอร์พูล
พร้อมเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นในทุกๆ สถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญ
แน่นอนว่าเกมพรีเมียร์ลีก
เป็นการแข่งขันที่ยาวนานถึง 38 แมตช์ ฉะนั้นทุกๆ
ทีมจำเป็นต้องมีขุมกำลังในเชิงลึกที่แข็งแกร่ง
และมีแท็คติกที่พร้อมปรับเปลี่ยนในทุกๆ สถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดย ลิเวอร์พูล
ยังคงมีคุณสมบัติทั้ง 2 แบบในฤดูกาล 2019-20
2. ลิเวอร์พูล ยังคงน่ากลัวในถิ่นแอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล
ทำผลงานไร้พ่าย 40 เกมพรีเมียร์ลีกในถิ่นแอนฟิลด์
และดูเหมือนว่าผลงานชั้นยอดแบบนี้ยิ่งทำให้อัฒจันทร์ฝั่ง "ค็อป เอนด์"
ร้องเพลง "ยู วิลล์ เนเวอร์ วอล์ค อะโลน" (You will never walk
alone) เสียงดังสนั่น
พวกเขาแพ้เกมลีกในบ้านครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2017 ซึ่งพวกเขาแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2
แน่นอนว่าสภาพแวดล้อมในถิ่นแอนฟิลด์
ทำให้ทุกๆ ทีมต้องหวาดหวั่นในการปะทะกับ ลิเวอร์พูล ขนาด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ยังออกมายอมรับว่าสนามเหย้าของ "หงส์แดง" ไม่เหมือนกับสนามอื่นๆ
ในโลกนี้ และบรรยากาศทำให้คู่แข่งต้องรู้สึกขาสั่นเมื่อต้องเจอกับเจ้าบ้าน
ตลอด 19 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาในเกมพรีเมียร์ลีก "เดอะ เร้ดส์"
คว้าชัยชนะไป 17 แมตช์ และเสมอเพียง 2 เกมเท่านั้น
ซึ่งก็คือแมตช์ดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ
"สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สำคัญ ลิเวอร์พูล ยิงไปเบาๆ เพียง 55
ประตูในบ้าน และเสียแค่ 10 ลูกเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ฟอร์มที่สุดแข็งแกร่งอยากจะต้านทานได้
น่าจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลใหม่นี้
เพราะเมื่อพวกเขาลงเล่นในสนามของตัวเอง
มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาจะไม่ยอมเสียแต้มสำคัญในการเล่นในบ้านตัวเอง
3. (ถ้า) สโมสรอื่นๆ งัดฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้
หากจะใช้สำนวนไทยน่าจะเหมาะกับประโยคที่ว่า
"ลางเนื้อชอบลางยา" สิ่งนี้ดูเหมือนว่าเหมาะกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้
เพราะสโมสรยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ที่ต้องรับมือกับฟอร์มอันย่ำแย่ของตัวเอง ในขณะที่ "หงส์แดง"
อาจจะมีผลงานที่สุดยอดเหมือนเดิม
ลิเวอร์พูล และ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเพียงสองสโมสรเท่านั้นที่คาดว่าจะได้ชูโทรฟี่พรีเมียร์ลีก
ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า โดยเหตุผลสำคัญเพราะฟอร์มการเล่นของทั้ง 2 ทีมเหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มท็อปซิกซ์
ซึ่งดูได้จากแต้มที่ห่างกันลิบลับเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
แน่นอนว่า
"เรือใบสีฟ้า" เป็นเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่เหนือกว่า ลิเวอร์พูล
และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไปครอง ส่วนในซีซั่น 2019-20 หาก แมนฯ ยูฯ, เชลซี, อาร์เวน่อล
และ สเปอร์ส ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ ส่วน "หงส์แดง"
ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม งานนี้พวกเขามีหวังที่จะยุติ 30 ปีที่รอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีก็ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น